ไม่มีสินค้าในตะกร้า
Archives
เคล็ดไม่ลับกับนั่งลดน้ำหนัก
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015เรื่องน้ำหนักตัวนั้นมันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บรรดาสาวๆ ทั้งหลายต่างให้ความสำคัญและอยากให้มันอยู่ในตัวเลขที่น้อยๆ หรือไม่ก็ให้สมส่วน โดยต่างก็มีหลากหลายวิธีในการลดน้ำหนักไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหารหรือใช้ ทางลัดด้วยการซื้อหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนักมาช่วยอีกทางก็ตามที แต่วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับกับการลดน้ำหนักอย่างง่ายดายด้วยการนั่งที่ฟังดู แล้วอาจไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันละว่าการนั่งหัวเราะก็ถือเป็นการลดน้ำหนักอย่างหนึ่ง ซึ่งทุกคนต่างคาดไม่ถึงกันอย่างแน่นอน แต่มีผลวิจัยจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอบิลท์ออกมาว่าถ้าเราหัวเราะ ให้ได้วันละ 10 – 15 นาทีเพียงเท่านี้ก็จะทำให้ร่างกายของเราได้เผาผลาญแคลอรี่ไปได้อย่างมากมาย ถึง 40 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว นอกจากนี้การที่เราได้หัวเราะนั้นมันยังเป็นการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ได้อีก 10 – 20% ซึ่งจะช่วยในการกระตุ้นระบบเมตาบอริซึ่มให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันนั้นการนั่งในบริเวณที่มีอากาศเย็นก็เป็นการช่วยลดน้ำหนักได้อีก ทางหนึ่ง ซึ่งอุณหภูมิแวดล้อมร่างกายที่ต่ำจะทำให้ร่างกายของเรานำเอาพลังงานจากการ ทานอาหารมาปรับเปลี่ยนเป็นความร้อนเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายของเรา
การ นั่งทานอาหารไปพร้อมกับเปิดเพลงคลอตามไปด้วยเบาๆ ก็เป็นการช่วยลดน้ำหนักได้ดีไม่น้อยเช่นเดียวกัน โดยเสียงเพลงนั้นมันจะทำให้เราผ่อนคลายและเคี้ยวอาหารได้ช้าลง รวมทั้งยังเป็นการช่วยให้ร่างกายของเราได้ดูดซึมอาหารดียิ่งขึ้นอีกด้วย ตลอดจนเสียงดนตรียังทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าจนอยากขยับแข้งขยับขาไปมา ในท่านู้นท่านี้อีกด้วย และหากเรายับยั้งชั่งใจไว้ไม่อยู่เผลอออกสเต็ปไปก็จะช่วยให้ลดพลังงานภายใน ร่างกายไปได้ถึง 132 กิโลแคลอรี่เชียวแหละ
แม้ว่าการนั่งทานอาหาร บ่อยๆ อยู่กับที่นั้นทุกคนต่างฟันธงลงความเห็นกันว่ามันเป็นตัวการอันร้ายกาจในการ เพิ่มน้ำหนัก แต่แท้ที่จริงแล้วนั้นการทานอาหารบ่อยๆ เป็นผลดีต่อร่างกายอย่างมากเนื่องจากเมื่อเราไม่ได้ขยับเนื้อขยับตัวไปไหนก็ จำเป็นต้องให้ภายในร่างกายได้ขยับแทน โดยการแบ่งอาหารหลักเป็น 3 มื้อแล้วทานมื้อย่อยๆ ทุกชั่วโมง ซึ่งอาหารที่ทานก็ต้องเลือกให้ดีด้วยไม่ใช่ว่าซัดแต่อาหารที่มีไขมันสูงหรือ เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง โดยให้เราลองทานขนมปังโฮลวีทสักแผ่นสองแผ่นแทนก็ได้ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้ทำงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเป็นการลดความหิวไปในตัว
วัยทำงาน วัยทีน กินเท่าไหร่ถึงพอดี
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015ถ้าพูดกันตามจริงก็คือทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงชราทุกคนควรจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน แม้วัยรุ่น หรือวัยทำงานซึ่งเป็นวัยที่อยู่ในช่วงสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ก็ยังต้องการการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่เช่นกัน การกินนั้นมันจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสีที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของเราทุกคน ในแต่ละมื้อของวัน
เรามาดูระดับพลังงานที่แต่ละวัยต้องการกันก่อนค่ะ นนี้เราไปดูกันดีกว่าว่าวัยทำงานและวัยรุ่นนั้นควรกินอะไรกันดี
ระดับพลังงาน แตกต่างกันตามเพศ วัย และกิจกรรม
- พลังงาน 1600 กิโลแคลอรี – สำหรับเด็ก หญิงวัยทำงาน และผู้สูงอายุ
- พลังงาน 2000 กิโลแคลอรี – สำหรับวัยรุ่น ชายวัยทำงาน
- พลังงาน 2400 กิโลแคลอรี – สำหรับผู้ที่ใช้พลังงานมาก เช่น นักกีฬา เกษตรกร กรรมกร
- ต่อจากนั้นก็มาดูว่า จะกินอย่างไรให้สมดุล ปริมาณพอดี ซึ่งต้องดูจากปริมาณอาหารในแต่ละกลุ่ม
คนวัยทำงานมีปัญหาสุขภาพอะไรบ้าง ?
– เหนื่อยง่าย หมดแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
– อ่อนเพลียง่าย พักผ่อนแล้วก็ไม่ดีขึ้น
– ซึมเศร้าเป็นครั้งคราว
– ปวดศีรษะเป็นครั้งคราว
– กินอาหารต่อวันไม่ครบ 5 หมู่
– ไม่มีเวลากินอาหารเช้า
– ไม่มีโอกาสกินผักหรือผลไม้เป็นประจำทุกวัน
– ต้องทำงานหนัก และนอนดึก
– ไม่มีเวลาออกกำลังกาย
– ไม่มีเวลาไปพบแพทย์ และไม่อยากไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ FYI 1,000 มิลลิกรัม คือจำนวนของวิตามินซีที่วัยทำงานควรได้รับต่อวัน 2,000 Kcal คือจำนวนพลังงานที่วัยทำงานใช้ต่อวันถ้าไม่อยากอ้วนอย่ากินอาหารมากกว่านี้
แน่นอนว่าวัยทำงานเป็นวัยที่ต้องใช้สมองเยอะเป็นพิเศษ ดังนั้นอาหารการกินควรเป็นจำพวกที่บำรุงสมองและระบบประสาท รวมทั้งเสริมด้วยวิตามินบี 1 ที่หาได้ไม่ยากจากธัญพืชประเภทข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ, รำข้าว, งา, ข้าวโพด, ข้าโอ๊ต, แครอท, ผักกาดหอม, กะหล่ำปลี, คะน้า, มะเขือเทศ, ถั่วงอก และถั่วต่างๆ แต่ควรเลือกกินปลาแทนเนื้อสัตว์ใหญ่เพราะว่าในเนื้อปลามีกรดไขมันที่จำเป็น ต่อร่างกายโดยเฉพาะน้ำมันปลา ซึ่งมีสารอาหารที่สำคัญต่อการบำรุงระบบประสาทอย่างโอเมก้า 3 ที่ช่วยให้ระบบการทำงานของสมองดียิ่งขึ้น รวมไปถึงช่วยลดความเครียดและอารมณ์ซึมเศร้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
แต่ถ้าหากเครียดมากๆ คนวัยทำงานก็ควรที่จะหันมากินผลไม้สดระหว่างวันจะดีกว่าหัดไปซดชากาแฟ เพราะเอนไซม์ในผลไม้สดจะช่วยเรียกความสดชื่นให้เราได้เป็นอย่างดี
ปัญหานอนไม่หลับก็เป็นอีกอย่างที่มักพบในวัยทำงานและวัยรุ่น โดยหากวันไหนข่มตาไม่หลับจริงๆ ขอแนะนำให้กินกล้วยที่เป็นผลไม้อันอุดมไปด้วยแมกนีเซียมและโปแตสเซียมที่ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่มันยังมีทริปโตฟาน ซึ่งเป็น 1 ใน 20 กรดอะมิโนจำเป็นสำหรับร่างกายของเรา ที่เปลี่ยนเป็นเซโรโทนินหรือสารสื่อประสาท ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์, ความหิว, ความโกรธ และเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้สมองของเราได้ผ่อนคลายเป็นอย่างดี แต่ก็อย่ากินเยอะไปเพราะจะทำให้จุกจนนอนไม่หลับ
แนวทางการบริโภคเพื่อสุขภาพที่ดีของคนวัยทำงาน
1. รับประทานธัญพืช ซึ่งมี 2 ประเภท คือ ธัญพืชไม่ขัดสี ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามินบี และใยอาหารสูง และธัญพืชขัดสี ที่มีสีขาวน่ารับประทาน และเก็บไว้ได้นาน แต่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ
2. รับประทานอาหารจำพวกไขมันอิ่มตัวแต่น้อย ไขมันอิ่มตัว ได้มาจากไขมันสัตว์ ไข่ ผลิตภัณฑ์นม น้ำสลัด ฯลฯ
3. รับประทานไขมันทรานส์แต่น้อย ไขมันทรานส์ส่วนใหญ่ พบมากในเบเกอรี่ที่มีมาการีน หรือเนยเทียมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ ผ่านกระบวนการเติมออกซิเจนในน้ำมัน เพื่อเปลี่ยนน้ำมันให้เป็นก้อนไขมัน ทำให้ร่างกายมีระดับโคเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีสูงขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
4. รับประทานไขมันโคเลสเตอรอลแต่น้อย โคเลสเตอรอลที่ว่านี้ คือโคเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) ซึ่งได้มาจากไขมันสัตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นมไขมันเต็มฯ หากบริโภค-โคเลสเตอรอลมากเกินไป จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดมากขึ้น
5. รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ร่างกายย่อยไม่ได้ จึงช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ดี
6. รับประทานอาหารที่ใส่น้ำตาลให้น้อยที่สุด อาหารที่ให้รสหวาน มาจาก 2 แหล่ง คือ จากผลไม้ หรือน้ำตาลฟรุก-โตส ซึ่งมีแร่ธาตุ และวิตามินที่มีประโยชน์ติดมาด้วย อีกแหล่ง ได้จากน้ำตาลที่ใช้ปรุงอาหาร หรือน้ำตาลกลูโคส ที่ไม่มีแร่ธาตุ หรือวิตามิน ซึ่งน้ำตาลชนิดนี้จะต้องมีการจำกัดปริมาณในการรับประทาน เพราะเป็นน้ำตาลที่ให้พลังงาน
7. รับประทานอาหารเค็มให้น้อยที่สุด อาหารที่มีรสเค็มมาก บ่งบอกถึงปริมาณโซเดียมที่สูง ซึ่งทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น แล้วสามารถต่อยอดไปเป็นโรคหัวใจ อัมพาต และโรคไตได้ในที่สุด
8. บริโภคแอลกอฮอล์ให้น้อยที่สุด ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมีอายุเฉลี่ยสั้นกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม
9. เสริมวิตามิน สำหรับคนวัยทำงานที่เริ่มเข้าสู่วัยทอง ควรรับประทานอาหารที่เสริมวิตามินบี12 และวิตามินดี หรือออกแดดอ่อนๆ ช่วงเช้า เพื่อช่วยในการทำงานของระบบประสาท และกระดูก
แม้ว่าในวัยทำงาน และ วัยรุ่น ส่วนใหญ่ มักจะหลีกเลี่ยงไม่พ้นงานสังสรรค์ปาร์ตี้ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อร่างกาย คนวัยทำงานอยู่ในช่วงวัยที่รักการสังสรรค์ หากลด ละ เลิก แอลกอฮอล์ได้ชีวิตจะดีขึ้น เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถ้าดื่มจนติดแล้วจะทำให้ร่างกายขาดวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งอาจจะเป็นโรคตับแข็งเป็นของแถม เลิกได้เลิกเถอะ
ดังนั้นถ้าหากเราอยากมีสุขภาพที่ดี การเลือกกินแต่อาหารที่ดีมี ประโยชน์ให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน การออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย นอกเหนือจากสุขภาพที่ดีแล้วนอกเหนือจากสุขภาพที่ดีแล้ว เรายังได้ร่างกายที่มีหุ่นเท่ๆ ไว้อวดเพศตรงข้ามด้วยนะ
หลากข้อดีที่กาแฟก็มี
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015แม้ว่าทุกคนต่างพากันเข้าใจว่
ขณะเดียวกันนั้นก็มีผลวิจั
อาหารเสริมเหมาะกับใคร
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015ทุกวันนี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที
ขณะเดียวกันนั้นผู้ที่หลีกเลี่
อาหารเสริมจำเป็นแค่ไหน
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015ก่อนอื่นต้องยอมรับกันเลยว่
แต่เราก็คงปฏิเสธการหาอาหารเสริ
ขณะเดียวกันก็อาจทำให้เกิ
ข้อแนะนำในการทานอาหารเสริม
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015การทานอาหารเสริมนั้นมันก็เปรี
ขณะที่วิตามินที่ก่อให้เกิ
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่สูบบุ
หลักการเลือกหาอาหารเสริม
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015การที่เราจะเลือกซื้อสิ่งหนึ่
การเลือกหาอาหารเสริมนั้นส่
ขณะเดียวกันนั้นเราก็ควรเลื
มื้อเย็นกินเป็นก็ไม่อ้วน
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015อาหารมื้อเย็นนั้นเป็
เมื่อทานอาหารเย็นเป็นที่เรี
สำหรับ สาวน้อยสาวใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการลดความอ้วนอยู่นั้นก็ควรหันมาทานอาหาร มื้อเย็นเน้นไปที่จำพวกผักและผลไม้แต่ก็ต้องเลือกเอาที่ไม่เป็นกรดเพราะยาม ท้องว่างร่างกายก็มีกรดมากเป็นทุนแล้ว รวมทั้งยังควรเลี่ยงการทานผักและผลไม้ที่ดิบๆ ใจขณะท้องว่างเนื่องจากทำให้ท้องอืดได้ โดยควรที่จะทานผักสุกอาทิการลวก, การต้ม และแกงจืด รวมไปถึงยำที่รสไม่แซบมากอย่างยำวุ้นเส้นและยำแตงกว่าที่ไม่เผ็ดหรือเปรี้ยว จนเกินไป ขณะเดียวกันนั้นก็ควรหันหน้าหนีให้กับอาหารที่ย่อยยากจำพวกของทอดๆ ของมันๆ และอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง แต่หากเลี่ยงไม่ได้ก็ให้ทานนิดหน่อยพอและไม่ควรทานอาหารที่มีกรดมาก ทางด้านผู้ใหญ่วัยทำงานนั้นขอแนะนำให้ทานอาหารมื้อเย็นเป็นจำพวกที่ย่อยได้ ง่ายแต่มีโปรตีนสูงและพอมีคาร์โบไฮเดรตบ้างแต่ก็อย่าให้มากจนเกินไปไม่ว่าจะ เป็นข้าว, ข้าวซ้อมมือ, ผักลวก แต่ที่สำคัญนั้นต้องทานให้ได้สารอาหารครบหมดทั้ง 5 หมู่
ของต้องห้ามใช้ร่วมกัน
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015จริงอยู่ที่มีข้าวของบางอย่าง ที
ดังนั้นวันนี้เราไปดูกันดีกว่
สบู่ : เชื่อเหลือเกินว่าส่วนใหญ่ในแต่
หมวก/หวี : หมวกทุกชนิดและหวี
แปรงสีฟัน : แปรงสีฟันที่มันเป็
มาสคาร่าและลิปสติก : แม้เครื่องสำอางส่วนใหญ่จะใส่วั
กรรไกรตัดเล็บ/มีดโกน : กรรไกรตัดเล็บที่
ต่างหู/หูฟัง : ต่างหู เป็นเครื่องประดับที่
ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงเอาไว้
สารสกัดเห็ดหลินจือสุดลือชา
Posted by Etc Shop in เรื่องทั่วไป on 2 มิถุนายน 2015เห็ดหลินจือขึ้นชื่อว่าเป็นเห็ดอมตะหรือเห็ดหมื่นปีเลยก็ว่าได้ โดยได้มีการนำมาปรุงเป็นยาจีนกันมายาวนานกว่า 2,000 ปีที่ใช้กันนับตั้งแต่สมัยของจอมจักรพรรดิของจีนอย่างจิ๋นซีฮ่องเต้ ขณะเดียวกันนั้นเห็ดหลินจือถือได้ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งชีวิตที่มีพลังอันน่า อัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งในทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถค้นพบได้ว่าเห็ดชนิดนี้มี สารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายกว่า 250 ชนิดเลยทีเดียว รวมทั้งยังเป็นยาบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดีที่เรียกได้ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยต่ออายุเราออกไปได้ ตลอดจนยังมีส่วนช่วยในเรื่องผิวพรรณของเรานั้นให้มันเปล่งปลั่งและรักษาโรค ต่างๆ โดยปราศจากสารพิษตกค้างในร่างกายแต่อย่างใด
แม้ว่าเห็ดหลินจือ จะมีขึ้นอยู่ตามแหล่งธรรมชาติมากมายกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและให้สรรพคุณเป็นเลิศที่สุด นั้นก็คือสายพันธุ์สีแดงหรือเห็ดหลินจือแดง โดยในเห็ดหลินจือนั้นมันจะมีสารพอลิแซ็กคาไรด์ ซึ่งช่วยยับยั้งและรักษาอาการของโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และมีมากที่สุดในสายพันธุ์สีแดง ขณะที่สรรพคุณอันโดดเด่นของเห็นหลินจือนั้นมันมีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นยา อายุวัฒนะที่ช่วยชะลอความแก่ทำให้เรามีอายุที่ยืนยาว และช่วยบำรุงรักษาสายตา เช่นเดียวกับการต่อต้านและรักษาโรคมะเร็งต่างๆ จากการส่งที่ภูมิคุ้มกันไปกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็ง รวมทั้งยังช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคหมอนรองกระดูกแตกกดทับเส้นประสาท ให้ทุเลาได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยป้องกันเส้นเลือดในสมองและหัวใจอุดตันพร้อมป้องกันอัมพฤกษ์และ อัมพาต
ส่วนการทานเห็ดหลินจือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั่นก็คือ สารสกัดจากเห็ดหลินจือที่อยู่ในรูปของแคปซุล ซึ่งจะได้สารสกัดที่เข้มข้นมีสรรพคุณและดูดซึมพร้อมออกฤทธิ์ที่ดีกว่า ขณะที่เวลาที่เหมาะสมมากที่สุดในการทานเห็ดหลินจือนั่นก็คือให้ทานในช่วง เช้าขณะที่ท้องของเรายังว่างอยู่แล้วดื่มน้ำตามเข้าไปให้มากๆ และหากเป็นไปได้ให้ทานควบคู่กันไปกับวิตามินซีด้วยจะดีมากเนื่องจากช่วย เสริมสรรพคุณได้เป็นอย่างดี แต่ผู้ที่ต้องกินยากดภูมิต้านทานหรือผู้ป่วยโรค SLE รวมไปถึงผู้ที่ผ่านการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะควรงดการทานเห็ดหลินจือทางด้านผล ข้างเคียงของการทานเห็ดหลินจือนั้นหากเริ่มทานใหม่ๆ อาจจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ, อาเจียน, ง่วงนอน, ปวดเมื่อยตามร่างกายตามข้อ, ท้องเสีย, ปัสสาวะบ่อย และผิวหนังเกิดอาการคัน แต่นั่นมันก็เป็นปฏิกิริยาสะท้อนกับที่เป็นเรื่องธรรมดาของการบำบัดด้วย สมุนไพร แต่เมื่อตัวยาเข้าไปชำระล้างสารพิษต่างๆ ให้สลายหรือช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้แล้วก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งอาการข้างเคียงดังกล่าวนั้นมันอาจเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ ราว 2-7 วันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละคน